วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เปรียบเทียบ Switch Layer 2 กับ Switch Layer 3




Switch Layer3 ดีกว่า Switch Layer2 อย่างไร
            Ethernet Switch ที่พบเห็นและใช้งานโดยทั่วไปมากกว่า 95 % มักจะเป็น Switch Layer2 แทบทั้งสิ้นโดยมี คุณสมบัติต่าง ๆ กัน เริ่มจากระดับ Entry Level ก็มักจะมีคุณสมบัติเฉพาะการ Switch ระหว่าง Port ต่าง ๆ ของตัวเองเท่านั้น รองรับ MAC Address ได้ไม่มากนัก มักจะเรียก Switch พวกนี้ว่า Desktop Switch มีราคาถูกลงมาก จะพบว่าถูกนำมา เชื่อมกับ PC โดยตรงแทนที่ HUB เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนในระดับสูงขึ้นมา ก็จะมีคุณสมบัติในการทำ VLAN , Manage มี MAC Address มากขึ้นและอื่น ๆ เพิ่มเติม แน่นอน ราคาก็จะสูงขึ้นด้วย จึงมักถูกนำมาใช้งานกับ Network ที่ต้องการประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นหรือเป็น work group ที่ต้องต่อเชื่อมกับ HUB หลายชุด เพื่อรองรับ PC User จำนวน มาก ๆ



คุณสมบัติของ Layer 2 Switch ดังกล่าวจัดอยู่ใน OSI Standard ในระดับ Data Link หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า Layer 2 ส่วนใน Layer3 ซึ่งเรียกว่าเป็น Layer ที่ต้อง มีคุณสมบัติ ของการ Routing เพื่อใช้ประโยชน์ในการต่อเชื่อม  และ คุณสมบัติ VLAN แบ่ง PC ออกเป็น Network ย่อยหลาย ๆ Network หรือ เรียกกันทั่วไปว่า Multi-LAN อาจจะมีคำถามว่าทำไมต้องแบ่ง Network ออกเป็น Network ย่อย ๆ เป็นวงเดียวกันให้รู้จัก
กันหมดไม่ดีกว่าหรือ คำตอบก็คือ วิธีการรับส่งข้อมูลของ Ethernet ที่เราใช้กันแพร่หลายที่สุดนั้น จะใช้การ Broadcast ข้อมูลออกไปทุก PC ที่ต่อเชื่อม ถ้ามีจำนวนมากก็จะเสียเวลาและมีข้อมูลวิ่งใน Network มาก เกิด Traffic Jam ในระบบได้ จึงมักออกแบบให้ใน WorkGroup หนึ่ง ๆ มี PC จำนวนไม่มากนักประมาณ 20 -40 เครื่อง เท่านั้น
นอกจากการกำหนด VLAN หลาย ๆ Network เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรับส่งข้อมูลแล้ว เรายังได้ระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เพิ่มเติมอีกด้วย เพราะจะกำหนดให้ PC ที่มีสิทธิ์เท่านั้นในการต่อเชื่อมเป็น Network เดียวกัน ส่วน PC ใน Network อื่น ๆ ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ต่อระหว่าง WorkGroup ต่อ Workgroup เข้าหากันเพื่อการรับส่งข้อมูลระหว่าง 2 Workgroup หรือ มากกว่าก็ได้
  ด้านคุณสมบัติของการ Routing นี้ ซึ่งต้องทำงานด้วย Processor หรือ Controller แบบไม่ซับซ้อนมาก จึงนำมาใช้งานกับ Switch ขนาดใหญ่ มักจะเป็น Chassis เสียส่วนมาก เรียกกันว่า Switch Layer3 มีราคาแพงขึ้นมาก แต่ก็เหมาะในการใช้งานกับ Network ขนาดใหญ่ที่มี workGroup จำนวนมาก ๆ สามารถได้ประสิทธิภาพการรับส่งข้อมูลสูงขึ้น และเท่าเทียมกัน สำหรับ PC ที่ต่อเชื่อมอยู่ นอกจากนั้นยังควบคุมการเชื่อมต่อระหว่าง workgroup ที่ต้องการได้อีกด้วยทำให้มีความปลอดภัยของข้อมูลที่สำคัญมากขึ้น Switch ในระดับนี้ มักจะมี Software Network Management ควบคู่มาด้วย ใช้ในการ เปลี่ยนแปลง และ ควบคุมการเชื่อมต่อ , การตรวจสอบ bandwidth ที่ใช้งาน การแสดงสถานะของ Switch ระดับล่าง Port หรือ Lancard นอกจากนั้น ยังใช้สำหรับการตรวจสอบจากระยะไกล เพื่อการซ่อมบำรุงดูแลรักษาอีกด้วย



นอกจากนั้น Switch Layer3 บางตัวยังถูกเพิ่มเติม คุณสมบัติพิเศษอื่น ๆ ในระดับ Layer4 ของ OSI Standard หรือที่เรียกกันว่า Switch Layer4 เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นไปอีก แน่นอน ราคาก็จะสูงขึ้นไปอีก แต่ก็คุ้มค่าทีเดียวกับประสิทธิภาพ การควบคุมระดับ นั้น ๆ เพราะเป็นการลงทุนในระยะยาวมากที เดียว ต่างกับ PC ซึ่ง 2-3 ปี ก็ต้องเปลี่ยนกันใหม่อีกแล้วทั้งที่ยังไม่เสียเลย แต่เริ่มใช้งานกับ Program บางตัวไม่ได้แล้ว
The Layer 3 Solution
            Layer 3 เป็นความสามารถหนึ่ง ที่อยู่ใน Switch ซึ่งความเร็วในการ routing จะใกล้เคียงกับ ความเร็วของ Switch และ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การทำงานใน Network มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นได้ โดยรวมเอา ฟังก์ชั่นของ Router เข้าไว้ใน อุปกรณ์ Switch , Intel Layer 3 Switch จะทำให้ การ routing ภายในระบบ Lan ทำได้เร็วขึ้น


           การ routing ใน LAN จะทำให้ได้ความเร็วที่ใกล้เคียงกับความเร็วของ Switch จะตัดปัญหาเรื่อง คอขวด (Bottle nack) , ยังช่วยรองรับในเรื่องของ การรองรับ ความเร็วของช่องสัญญาณได้มากขึ้นและ สื่อประเภท มัลติมีเดีย

ข้อดี
            1.ไม่ Broadcast สัญญาณไปทุก port
2.มีความเร็วเพิ่มขึ้น 10 Gbps
3.ราคาลดต่ำลง
            4.ง่ายในการเชื่อมต่อ
ข้อเสีย
            1.ถ้าสวิตช์ที่สามารถเข้าไปบริหารจัดการได้ ต้องมีการเรียนรู้เพิ่มขึ้น























 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น